บทที่ 18 เหตุร้าย (75%)

“แม่จ๋า แม่จ๋าของฟ้าใจ๋ ปัยหนัย…”

“แม่จ๋าของหนูไปเป็นนางฟ้าอยู่บนสวรรค์แล้วค่ะ”

เสียงที่เปล่งออกมาจากปากหยักเต็มไปด้วยความขมขื่นและสะเทือนใจ

“ฮึก…หยักหาแม่จ๋า จาเอาแม่จ๋า”

เสียงร้องไห้สะอึกสะอื้นบาดหัวใจของคนเป็นพ่อที่กำลังกล่อมลูกนอน ถึงแม้จะร้องไห้จนเหนื่อย ตาแทบจะปิดอยู่รอมร่อ แต่ปากจิ้มลิ้มของเด็กน้อยที่เพิ่งสูญเสียแม่ไปหมาดๆ ก็ยังคงร่ำร้องหาแม่

“กอดน้องเสือ แล้วนอนนะคะคนดี”

น้ำเสียงอ่อนโยนเปล่งออกมาจากปากหยัก ขณะหยิบตุ๊กตาเสือเน่าตัวโปรดส่งให้ เด็กน้อยเบ้หน้า ดึงตุ๊กตามากอด ไม่นานก็ผลักตุ๊กตาเจ้ากรรมออก แล้วพ้อเสียงเครือเจือสะอื้น

“น้อนกอดม่ายอุ่น หยักกอดแม่จ๋า ฮึก…หยักหาแม่จ๋า จาเอาแม่จ๋า”

“ชู่ว์…นอนนะคะคนดีของปะป๊า”

จักรพรรดิดึงร่างกลมป้อมเข้าแนบอก ลูบแผ่นหลังน้อยเบาๆ ขณะกระซิบปลอบประโลม หนูน้อยฟ้าใสสะอื้นฮักๆ กับแผ่นอกกว้างอยู่นาน ก่อนจะผล็อยหลับไปท่ามกลางการถอนหายใจของคนเป็นพ่อ

เมื่อแน่แก่ใจว่าหนูน้อยฟ้าใสหลับสนิทแล้ว ชายหนุ่มก็พ่นลมหายใจออกมาแรงๆ ยกมือลูบหน้าตัวเอง แล้วเรียกให้พี่เลี้ยงมาเฝ้าลูกสาว ก่อนจะเดินไปยังห้องทำงานที่มีลูกน้องคนสนิทสามคนรออยู่ก่อนแล้ว

“ว่ามา”

ทันทีที่ทิ้งตัวลงตรงเก้าอี้หลังโต๊ะทำงานด้วยสภาพคล้ายคนหมดแรง จักรพรรดิก็เอ่ยขึ้น

“พัดชาได้รับการประกันตัวแล้วครับ”

สินที่ทำหน้าที่ทั้งบอดี้การ์ดและเลขาเอ่ยรายงาน

“อิทธิพลของรัฐมนตรีสุชาติสินะ”

คนที่มัวแต่ยุ่งกับการดูแลลูกสาวจนไม่มีเวลารับข่าวสารจากใครหน้าไหนทั้งสิ้นเอ่ยเสียงแข็งๆ

“ครับ”

“สารวัตรแคนเพิ่งโทรมาบอกว่าพัดชาอาจหลุดพ้นข้อกล่าวหา”

“ทำไม?”

“ตำรวจสืบพยานแวดล้อม พบว่าคนที่ลงมือน่าจะเป็นหัวหน้าพยาบาลประจำวอร์ดผู้ป่วยวิกฤตครับ”

“งั้นไอ้กาจ มึงขึ้นไปกรุงเทพ แล้วสืบเรื่องนี้มาโดยละเอียด กูอยากรู้ว่ามีคนพยายามทำให้เราหลงประเด็น เพื่อเบี่ยงเบนความสนใจไปจากพัดชาหรือเปล่า”

จักรพรรดิหันไปสั่งกาจพลที่ยืนกุมมืออยู่ต่อหน้า จากนั้นก็สั่งงานสินที่ยืนอยู่ถัดไป ตบท้ายเป็นชายชาญ ที่ถูกสั่งให้ไปจัดการสืบเรื่องที่เกี่ยวเนื่องกับการลงมือฆ่านีรา

ตกเย็นสื่อทุกสำนักก็พร้อมใจกันตีข่าวออกมาว่าตำรวจได้เบาะแสใหม่ พบว่าพัดชา ‘อาจ’ ไม่เกี่ยวข้องกับเรื่องการฆาตกรรมนีรา พร้อมกับขอให้สังคมอย่าเพิ่งด่วนตัดสิน ให้มองว่าพัดชาเป็นเพียงผู้ต้องสงสัย และตราบใดที่ยังไม่มีหลักฐานมัดตัวบ่งชี้ว่าพัดชาเป็นผู้ลงมือกระทำผิดจริง พัดชาก็ยังถือว่าเป็นผู้บริสุทธิ์ ด้วยกระแสข่าวที่ร้อนแรง ทำให้คนที่จับตามองหันไปให้ความสนใจกับเบาะแสใหม่ที่ตำรวจกล่าวอ้าง

เมื่อทนความสงสัยไม่ไหว ร้อนรนในใจ อยากถามแม่ให้แน่แก่ใจ แต่ติดต่ออีกฝ่ายไม่ได้ บูรณิมาจึงตัดสินใจกลับมาที่บ้าน เพราะคิดว่าเพิ่งผ่านไปแค่ไม่กี่วัน บางทีพ่อกับแม่อาจยังไม่ได้ย้ายไปไหน

หลังลงจากแท็กซี่ที่หน้าบ้าน คิ้วโก่งเหนือดวงตากลมโตก็ต้องขมวดเข้าหากัน เท้าทั้งคู่พลันชะงัก เมื่อเห็นว่าประตูรั้วหน้าบ้านไม่ได้ล็อก

เอ๊ะ! หรือว่าแม่กับพ่อยังอยู่ที่บ้านจริงๆ

แม่กับพ่อไม่ได้หนีเธอไปไหน?!

แค่คิดรอยยิ้มหวานก็ประดับใบหน้านวล ร่างอวบรีบผลักประตูรั้วบ้านให้เปิดออก จากนั้นก็กระวีกระวาดไปเปิดประตูบ้าน แล้ววิ่งตะโกนเสียงดังเข้าไปภายใน

“พ่อ! แม่! นึกแล้วว่าพ่อกับแม่ต้องไม่กล้าทิ้งบี๋ พ่อกับแม่รักบี๋จะตาย…”

น้ำเสียงเจื้อยแจ้วที่เต็มไปด้วยความตื่นเต้นยินดีพลันชะงัก เมื่อดวงตากลมโตเหลือบไปเห็นร่างของพ่อกับแม่นอนเคียงข้างกันในสภาพเนื้อตัวซีดเผือด มุมปากของทั้งคู่มีคราบของฟองน้ำลาย

“แม่! พ่อ!...”

หลังจากนิ่งไปชั่วอึดใจด้วยความช็อก หญิงสาวก็ถลาเข้าไปหาร่างที่นอนอยู่บนพื้น ก่อนจะลนลานเขย่าร่างของทั้งคู่สลับกันไปมา พร้อมกับร้องตะโกนเรียกด้วยท่าทางสติแตก

“แม่ฟื้นสิคะ! พ่อฟื้นสิ! ฟื้น…”

เรียกอยู่หลายครั้งทั้งคู่ก็ไม่ไหวติง ทำให้บูรณิมารีบฟุบหัวลงไปแนบหูฟังบริเวณหน้าอกของทั้งคู่ เมื่อแน่ใจว่าพ่อกับแม่ยังหายใจอยู่ ถึงแม้จะผาดแผ่วจนน่าใจหาย แต่เธอก็ยังพอมีหวัง วินาทีถัดมาจึงลนลานหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาโทรเรียกรถฉุกเฉินของโรงพยาบาลใกล้บ้าน หลังจากนั้นก็กลับมาเขย่าเรียกพ่อกับแม่อีกครั้ง

“แม่คะฟื้นสิคะ พ่อฟื้นสิคะพ่อ ไม่เอา…พ่อกับแม่ห้ามทิ้งบี๋นะ ห้ามทิ้งบี๋ ฮึก…”

น้ำเสียงสั่นเครือเปล่งออกมาจากปากสั่นระริก ท้ายประโยคเธอหลุดสะอื้นฮัก หยาดน้ำตาหยดแหมะ ด้วยความหวาดกลัวการสูญเสียที่อาจจะเกิดขึ้นแบบไม่ทันตั้งตัว

ทันทีที่รถฉุกเฉินมาถึงเจ้าหน้าที่ก็ทำการปฐมพยาบาลเบื้องต้น แล้วรีบนำร่างของคนทั้งคู่ขึ้นรถฉุกเฉิน บูรณิมาที่นั่งมาด้วยตัวแข็งทื่อ เพราะเหตุการณ์ทุกอย่างเกิดขึ้นรวดเร็วมากจนเธอตั้งรับไม่ทัน มิหนำซ้ำยังช็อกหนักเข้าไปอีก หลังจากได้ยินคำพูดจากปากหมอว่า พ่อกับแม่ของเธอกินยาพิษเข้าไป

พ่อกับแม่กินยาฆ่าตัวตายอย่างนั้นหรือ!?

ไม่! ไม่! เป็นไปไม่ได้!

พ่อกับแม่จะทำอย่างนั้นทำไม

พ่อกับแม่จะกล้าทิ้งลูกสาวคนเดียวอย่างเธอได้ยังไง

หลังร่างไร้สติของพ่อและแม่ถูกเข็นเข้าห้องฉุกเฉิน บูรณิมาซึ่งถูกกันให้รออยู่ด้านนอกก็ยืนปักหลักอยู่หน้าห้อง ทันทีที่หมอมาถึงเธอก็ถลาเข้าไปหา พร้อมละล่ำละลักวิงวอนทั้งน้ำตา

บทก่อนหน้า
บทถัดไป